Thai subtitles for clip: File:Zika virus video osmosis.webm
Jump to navigation
Jump to search
1 00:00:01,839 --> 00:00:09,219 มีไวรัสมากมายที่สามารถก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ ทว่าสองสถาณการณ์ที่ทำให้ไวรัสนั้นอันตราย 2 00:00:09,219 --> 00:00:14,610 ได้แก่ เมื่อไวรัสสามารถแพร่กระจาย อย่างรวดเร็ว และเมื่อมันสามารถสร้างความเสียหายอย่างสาหัส 3 00:00:14,610 --> 00:00:18,280 ไวรัสซิกามีศักยภาพที่จะทำทั้งสองอย่างนี้ จึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม 4 00:00:18,280 --> 00:00:23,020 ดังนั้นเราจึงควรรู้เกี่ยวกับไวรัสซิก้าและ โรคที่เกิดจาก 5 00:00:23,020 --> 00:00:24,930 ไวรัสนี้ 6 00:00:24,930 --> 00:00:30,490 ไวรัสซิกาเป็นอาร์โบไวรัส หมายความว่าถูก ถ่ายทอดผ่านแมลง หรือในที่นี้คือยุง 7 00:00:30,490 --> 00:00:35,000 ดังนั้นจึงเป็นไวรัสที่มียุงเป็นพาหะ แต่ไม่ได้แปลว่าไวรัส 8 00:00:35,000 --> 00:00:39,760 นั้น “เกิด (born)” ในตัวยุง แต่ไวรัสนั้นถูก “นำพา (borne)” ซึ่งมีตัว ‘e’ โดยยุง 9 00:00:39,760 --> 00:00:45,110 แปลว่า ขนส่ง บางครั้งพวกเรา เรียกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ว่า “พาหะทำโรค” 10 00:00:45,110 --> 00:00:49,629 สิ่งที่พาหะเหล่านี้ทำมีเพียงขนส่งไวรัสเท่านั้น ดังนั้น ไวรัสซิก้าจึงเหมือนกับไวรัสที่มียุงเป็นพาหะอื่นๆ 11 00:00:49,629 --> 00:00:55,510 เช่น ไข้เลือดออก ไข้เหลือง ไข้สมองอักเสบ และไข้ไนล์ตะวันตก 12 00:00:55,510 --> 00:01:00,219 ยุงทำหน้าที่เป็นพาหะนำโรคซึ่งนำพาไวรัส จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง ไวรัสเหล่านี้ 13 00:01:00,219 --> 00:01:03,500 ล้วนอยู่ในวงศ์เฟลวิไวรัส 14 00:01:03,500 --> 00:01:10,020 เพื่อดูแลลูกในท้อง ยุงตัวเมียต้องหา เลือดจากโฮสท์มาเป็นอาหาร 15 00:01:10,020 --> 00:01:13,969 ยุงหาเลือดโดยใช้สารเคมีซึ่งพวกเราและ สิ่งมีชีวิตอื่นๆปล่อยออกมา 16 00:01:13,969 --> 00:01:20,039 เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ แอมโมเนีย กรดแลคติก และออคเทนอล ดังนั้นเมือยุงที่ 17 00:01:20,039 --> 00:01:25,189 บังเอิญมีไวรัสเจออาหาร (เลือด) และลงมือรับประทาน มนุษย์จะติด 18 00:01:25,189 --> 00:01:31,219 เชื้อไวรัส และไวรัสจะเริ่มเพิ่มจำนวนหรือเจริญพันธุ์ ภายในตัวมนุษย์ ขณะที่ไวรัสจากวงศ์เฟลวิไวรัสอื่นๆ 19 00:01:31,219 --> 00:01:35,569 ไม่สามารถเพิ่มจำนวนมากพอในตัวมนุษย์ที่จะ สามารถแพร่เชื้อให้ยุงตัวอื่น 20 00:01:35,569 --> 00:01:42,889 ทำให้คนเป็นโฮสท์ที่ไม่สามารถแพร่ต่อได้ ไวรัสซิก้า และไข้เลือดออก 21 00:01:42,889 --> 00:01:47,859 รวมไปถึงไข้เหลืองนั้นต่างออกไป ไวรัสเหล่านี้มีการพัฒนาและสามารถเพิ่มจำนวน 22 00:01:47,859 --> 00:01:53,079 ในตัวมนุษย์ให้มากพอที่จะแพร่เชื้อสู่ ยุงตัวอื่นที่ไม่เคยได้รับไวรัสมาก่อน ซึ่งยุงตัวนั้น 23 00:01:53,079 --> 00:01:58,569 จะสามารถแพร่เชื้อให้กับคนอื่นได้อีก ระยะแพร่เชื้อนี้ อยู่ในช่วงอาทิตย์แรกที่ติดเชื้อซึ่ง 24 00:01:58,569 --> 00:02:02,609 ไวรัสซิกานั้นอยู่ในกระแสเลือด ดังนั้น หากมนุษย์ซึ่งป่วยเป็นโรคนี้สามารถส่งต่อไวรัส 25 00:02:02,609 --> 00:02:06,819 กลับสู่ยุงได้นั้น คุณคงจินตนาการเองได้ว่า พื้นที่ซึ่งมียุงเยอะ ๆ นั้น 26 00:02:06,819 --> 00:02:10,679 คงเป็นแหล่งกระจายของไวรัส อย่างรวดเร็ว ใช่ไหมหละ? 27 00:02:10,679 --> 00:02:16,129 ตอนนี้เมื่อไวรัสซิกาแพร่กระจายผ่านยุงลาย (Aedes) เหล่าเจ้าตัวน้อยที่หิวกระหาย 28 00:02:16,129 --> 00:02:22,159 เลือดนี้สามารถกัดตอนกลางคืน ทว่าจะออกหากิน มากที่สุดในตอนกลางวัน ยุงลายเหล่านี้ยังเป็น 29 00:02:22,159 --> 00:02:29,500 ประเภทเดียวกับที่เป็นพาหะของไวรัสชิคุนกุนยา และไข้เลือดออกอีกด้วย เมื่อ Aedes aegypti หรือ Aedes 30 00:02:29,500 --> 00:02:35,150 albopictus ทั้งสองสปีชีส์ของยุงลาย ได้เกาะบนผิวหนังของคุณและยื่นจมูก 31 00:02:35,150 --> 00:02:39,680 ยาวๆของมันเข้าไป มันเจาะผ่านผิวหนังชั้นนอกสุด ซึ่งประกอบไปด้วย 32 00:02:39,680 --> 00:02:45,489 เซลล์ผิวหนังซะส่วนใหญ่ เซลล์ผิวหนัง ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรค 33 00:02:45,489 --> 00:02:49,980 และปกติแล้วจะทำหน้าที่ได้ดี จมูกของยุงนั้นยังทะลุต่อไปยัง 34 00:02:49,980 --> 00:02:54,400 ชั้นหนังแท้ เพราะว่าผิวหนังชั้นนอกสุดนั้นได้รับออกซิเจน จากอากาศและไม่มีเลือดมาเลี้ยง 35 00:02:54,400 --> 00:02:58,819 ในขณะที่ชั้นหนังแท้นั้นมี และนี่ เป็นสิ่งที่ยุงต้องการ ใช่ไหมหละ 36 00:02:58,819 --> 00:03:04,249 เลือด ในเมื่อจมูกของยุงนั้นทะลุผ่านทั้ง ผิวหนังชั้นนอกสุดและชั้นหนังแท้ 37 00:03:04,249 --> 00:03:10,200 เซลล์ที่อยู่ในทั้งสองชั้นนี้มีโอกาสจะติดเชื้อ ไวรัสซิกา ดังนั้นนอกจากเซลล์ผิวหนังแล้ว 38 00:03:10,200 --> 00:03:15,140 ไฟโบรบลาสและเซลล์เดนไดรท์ยัง ถูกพบว่าสามารถติดเชื้อจากไวรัสซิกาได้เช่นกัน 39 00:03:15,140 --> 00:03:19,170 แปลว่าเซลล์เหล่านี้มีตัวรับ หรือ แหล่งสำหรับยึดติด ที่บอกไวรัสว่า 40 00:03:19,170 --> 00:03:22,239 เอาสิ เข้ามาเลย 41 00:03:22,239 --> 00:03:26,340 แม้ว่าตอนนี้ พวกเรายังไม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ ไวรัสซิกา ทว่าพวกเรารู้ว่า 42 00:03:26,340 --> 00:03:32,040 เมื่อมันเข้าสู่เซลล์ มันฉีดอาร์เอ็นเอไวรัสสายเดี่ยวแบบบวก แบบบวกแปลว่าอาร์เอ็นเอชิ้นนี้ Positive means that this 43 00:03:32,040 --> 00:03:36,989 คล้ายกับ เอ็มอาร์เอ็นเอของพวกเรามาก และพร้อมที่จะถูกแปลเป็น 44 00:03:36,989 --> 00:03:43,969 โปรตีน กลุ่มยีนของไวรัสถูกแปลโดย ระบบปฏิบัติงานของเซลล์ของพวกเราเองและเพิ่มจำนวนกลายเป็นไวรัส 45 00:03:43,969 --> 00:03:49,069 ในที่สุด โรงงานเปลี่ยนเซลล์เป็นไวรัสเหล่านั้นจะ ตายลง และปล่อย 46 00:03:49,069 --> 00:03:52,930 ไวรัสออกมาเพื่อทำให้เซลอื่นๆติดเชื้อ 47 00:03:52,930 --> 00:03:56,870 แม้ไวรัสเหล่านี้จะดูร้ายกาจ ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเรา สามารถต่อสู้กับไวรัสซิกาได้อย่างดี 48 00:03:56,870 --> 00:04:02,279 ทำให้เพียงแค่ 1 ใน 5 คนเท่านั้นที่จะป่วยจากการติดเชื้อนี้ และส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการป่วยที่คนรอบข้างอาจไม่ทันสังเกต 49 00:04:02,279 --> 00:04:07,879 ด้วยซ้ำ อาการทั่วไปเมื่อคนไข้ติดเชื้อไวรัสได้แก่ ไข้อ่อนๆและผื้นตามผิวหนัง 50 00:04:07,879 --> 00:04:12,749 แต่บางคนอาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ ปวดหัว และเยื่อตาอักเสบ 51 00:04:12,749 --> 00:04:18,940 หรือ ตาแดง ระยะฟักตัว หรือ ระยะเวลา ตั้งแต่การติดเชื้อจนเริ่มแสดงอาการนั้นยังไม่มีใครรู้แน่ชัด 52 00:04:18,940 --> 00:04:23,180 แต่อยู่ระหว่างไม่กี่วันจนถึงหนึ่งอาทิตย์ 53 00:04:23,180 --> 00:04:27,080 การรักษาส่วนใหญ่แล้วจะรักษา ตามอาการ เช่น การพักผ่อนให้มาก 54 00:04:27,080 --> 00:04:31,870 ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และ การรับประทานยาเช่นอะเซตามิโนเฟนเพื่อช่วย 55 00:04:31,870 --> 00:04:34,550 แก้ปวดและลดไข้ 56 00:04:34,550 --> 00:04:38,270 โอเค ตอนนี้พวกเราน่าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมไวรัสนี้ถึง แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ซึ่งสำคัญในที่ซึ่งมียุงชุกชุม 57 00:04:38,270 --> 00:04:43,580 แล้วสำหรับส่วนที่สร้างความเสียหายอย่างสาหัสหละ 58 00:04:43,580 --> 00:04:49,090 แม้โรคนี้จะมีอาการไม่รุนแรงเล็กน้อยในผู้ใหญ่ เรื่องมันมีมากกว่านั้น ในเดือนตุลาคมปีพ.ศ. 2558 59 00:04:49,090 --> 00:04:53,750 พื้นที่ในประเทศบราซิลซึ่งมีไวรัสซิกา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสังเกตว่า 60 00:04:53,750 --> 00:04:58,710 จำนวนเด็กที่มีภาวะหัวเล็กเกินมีจำนวนมากขึ้น อย่างชัดเจน เด็กที่มีภาวะนี้นั้น 61 00:04:58,710 --> 00:05:04,090 เกิดมากับศีรษะที่เล็กกว่าปกติ ทำให้สมองนั้นเล็กตามไปด้วย นี่จึงเป็น 62 00:05:04,090 --> 00:05:09,270 แนวโน้มที่จะทำให้เกิดปัญหาทางสมองและ การพัฒนาทางความคิด อาการชัก รวมไปถึง 63 00:05:09,270 --> 00:05:14,020 ปัญหาทางการมองเห็นหรือได้ยิน ได้มีการสังเกตว่า จำนวนเด็กที่มีภาวะหัวเล็กเกินนั้นมีจำนวนมากขึ้น 64 00:05:14,020 --> 00:05:20,590 กว่า 20 เท่า ในเขตเมืองของประเทศบราซิลซึ่งมีการระบาด ของไวรัสซิกา 65 00:05:20,590 --> 00:05:25,560 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. 2558 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรปกล่าว่าเป็นไปได้ที่ 66 00:05:25,560 --> 00:05:31,060 ไวรัสซิกาจะเป็นสาเหตุของภาวะหัวเล็กเกิน ในทารกในครรภ์หรือทารกเกิดใหม่ 67 00:05:31,060 --> 00:05:35,080 และไวรัสซิกายังสามารถส่งต่อจากแม่ สู่ลูกในครรภ์ หรือเมื่อให้กำเนิด 68 00:05:35,080 --> 00:05:40,620 แม้ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน หรืออย่างไร 69 00:05:40,620 --> 00:05:42,620 ไวรัสซิกานั้นถูกเชื่อมโยงกับภาวะหัวเล็กเกิน 70 00:05:42,620 --> 00:05:49,620 นอกจากจะแพร่โดยยุงกัดแล้ว ในบางกรณีจากแม่สู่ลูก 71 00:05:49,620 --> 00:05:54,560 ไวรัสซิกาได้รับรายงานว่าสามารถแพร่ผ่านทาง การถ่ายเลือดและ 72 00:05:54,560 --> 00:05:55,479 เพศสัมพันธุ์ 73 00:05:55,479 --> 00:06:00,940 ปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสซิกา ดังนั้นทุกคนควรระวัง 74 00:06:00,940 --> 00:06:06,370 เมื่อต้องเดินทางไปพื้นที่ซึ่งมีการระบาด พยายามไม่ให้ยุงกัด และควร 75 00:06:06,370 --> 00:06:10,960 ทายากันยุงตลอดวัน หรือใส่เสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว โดยเฉพาะในเวลากลางวัน 76 00:06:10,960 --> 00:06:15,580 เพราะเป็นเวลาที่ยุงลายชุกที่สุด หากติดเชื้อ การหลีดเลี่ยงการถูกยุงกัด 77 00:06:15,580 --> 00:06:20,650 เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้ไวรัสซิกา แพร่สู่คนอื่น โดยเฉพาะในอาทิตย์แรกที่มี 78 00:06:20,650 --> 00:06:25,819 อาการ ขณะนี้องค์การอนามัยโลกแนะนำ ให้หญิงที่ตั้งครรภ์ปรึกษาแพทย์ 79 00:06:25,819 --> 00:06:33,629 เพื่อขอคำปรึกษาและคำแนะนำ